เทรนด์การทำ Video Content ที่ผู้ประกอบการทุกคนต้องรู้
- Video Intro
เป็นการแนะนำผู้ประกอบการและผลิตภัณฑ์ด้วยเรื่องที่คนฟังอยากฟัง
ไม่ใช่การโอ้อวด แอบอ้างเกินจริง ซึ่ง Video Content หมวดนี้
ควรจะต้องปักหมุดไว้บนสุดของทั้ง Facebook และ Youtube - Value Video โชว์แนวคิด วิสัยทัศน์ของผู้ประกอบการ
สามารถนำเสนอได้ทั้งแนวเล่าเรื่องกับหน้ากล้องและการสัมภาษณ์ - Marketing Video วิดีโอการตลาด
เน้นการทำ Video Content ที่สามารถเพิ่มยอดขายได้
โดยออกแบบการสื่อสารให้ตรงับกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก
แนะนำเทคนิคการคิดประเด็น Video Content ที่ห้ามพลาด
การแนะนำตัวเป็นนามบัตรของเราที่จะทำให้คนรู้จักและจดจำเราได้
ด้วยการนำเสนอผ่าน Content Video 3 นาทีหรือ 10 นาที แล้วสามารถผิดดีลได้เลย
ซึ่งจะต้องมีคำถามในการเจาะตัวตนของแต่ละคน เพื่อคำตอบที่ดีที่สุด
- สิ่งที่เขายึดถือคืออะไร
อันนี้เปรียบเหมือนคุณธรรมที่คนๆ นี้มี
ทำให้ทุกคนอยากร่วมงาน อยากอุดหนุน - สิ่งที่เขาทำอยู่เชี่ยวชาญจริงหรือเปล่า
ถามเกี่ยวกับเคล็ดลับบางอย่าง
ที่เขาสามารถอธิบายได้อย่างง่าย
แปลว่าคนนี้คือผู้เชี่ยวชาญจริงๆ - สิ่งที่เขามีคือ Storytelling
เรื่องราวกว่าจะมาเป็นทุกวันนี้เขาผ่านอะไรมาบ้าง
เล่าประสบการณ์ให้คนฟังมีอารมณ์ร่วม มีอุปสรรคให้คนฟังลุ้นไปด้วยกัน และมอบสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับเขาในตอนท้าย ให้เห็นถึงคุณค่าของ Brand ที่เราพยายามจะสื่อสาร
กลยุทธ์การทำ Video Content ให้ได้ใจคนดูตั้งแต่ 5 วินาทีแรก
- กบฏ เป็นแนวย้อนแย้ง
เช่น คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดคิดว่า… ตามด้วยเรื่องที่ Conflict - กั๊ก เผยเทคนิคอะไรบางอย่าง
เช่น เทคนิคสอบได้ A คือ - สุนทรภู่ เป็นการอุปมาอุปไมย
เช่น การทำธุรกิจก็เหมือนกับ.. - จี้อารมณ์ อารมณ์หลง
อารมณ์จี้ให้เขากลัว - รับประกัน
เช่น ถ้าคุณฟังคลิปนี้จบ…
คุณจะไม่ต้องจ่ายค่าหมออีกเลย - การตั้งคำถามให้ขนลุก
วิธีนี้จะทำให้คนติดตาม
รู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องเปลี่ยน
หรือลุกขึ้นมาทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
การนำแต่ละวิธีมาใช้ ขึ้นอยู่กับเรื่องเล่าของแต่ละคน
ถ้าเป็น Video สัมภาษณ์ ต้องนำประเด็นหลักนำมาไว้ที่ประโยคเปิด โดยเลือกจากวิธีด้านบน
How to การทำวิดีโอสัมภาษณ์เพื่อผู้ประกอบการ SME
1. ต้องละลายพฤติกรรมก่อน
เราจะไม่สามารถผลิตคอนเท้นต์ที่ดีได้ ถ้าเกิดว่าผู้ถูกสัมภาษณรู้สึกไม่ปลอดภัย
ซึ่งต้องละลายพฤติกรรมก่อน โดยอาจจะชวนคุยไปเรื่อย
หรือใช้เทคนิคการ Rapport (แรพพอร์)
คือการสังเกตุผู้ถูกสัมภาษณ์ว่าเขาเป็นอย่างไร
พยายามหาจุดเชื่อมโยงให้ได้ เช่น บ้านอยู่จังหวัดเดียวกัน
หาหมอที่นี่เหมือนกัน เพื่อให้เขารู้สึกไว้ใจ
คือขั้นตอนแรกที่จะทำให้เราได้เนื้อหาที่เป็นธรรมชาติ
2. Record ไปก่อน
คาดหวังจะได้เนื้อหา 1-2 นาทีแรก ลืมไปได้เลย
เราต้องชวนคุยไปเรื่อยๆ ถ้าสัมผัสได้ว่าเครื่องเริ่มติดแล้ว
ก็ยิงคำถามไฮไลต์ ไม่ยึดติดกับสคริปต์ที่เตรียมมามากเกินไป
พยายาม Connect กับผู้ถูกสัมภาษณ์ให้ได้มากที่สุด
แล้วจับประเด็นมาขยี้เป็นคำถามเรื่อยๆ จะได้เรื่องที่คนฟังอยากฟัง
3. พยายามให้คนที่อยู่ตรงหน้าเราไม่เกร็ง
Producer ผู้กำกับ ตากล้อง ทีมงานทุกคน
เมื่อเห็นผู้ถูกสัมภาษณ์เกร็งหรือนิ่งไป
ต้องพยายามให้เขาสื่อสารลักษณะอื่นๆ
เช่น หัวเราะ ยกมือ ชี้มือ ยิ้ม พนักหน้า ประกอบเป็นท่าทาง
เพื่อให้ Video Content มีพลังงานไม่ทื่อ ไม่เรียบ
ในเรื่องที่มีหลักการเยอะไป
ทีมงานต้องพยายามขยี้เพื่อให้ได้คำตอบ
ที่มีสีสัน น่าสนใจ จะทำให้ Content น่าฟังและน่าติดตาม
ปิดการขายให้ทรงพลัง เป็นไปได้ใน 3 นาที
1. คนเราจะไม่ซื้อกับคนที่ไม่ไว้ใจ
เราจะทำยังไงให้คนซื้อไว้ใจ?
ถ้าไม่ให้ประโยชน์ก็ต้องเปลี่ยนอารมณ์หลักการไม่ต้องเยอะเยอะ
ถ้าคู่แข่งพูดถึง 10 ข้อดีของสินค้า
เราลองพยายามทำตรงกันข้าม หาเรื่องเล่าที่เซอร์ไพร์สสุดๆ เกี่ยวกับสินค้า
เช่น มีคนใช้สินค้าของเราเป็นเครื่องนวดหน้าเรียว
เราก็ทำคอนเท้นต์รวมพลคนหน้าเรียว แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์เยอะๆ
โดยใส่ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ เข้าไป
จนมาใช้ของเราแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม
แบ่งทำเป็น Ads. 2 ตัว
ตัวแรกเปิดใจ ตัวที่ 2 นำไปสู่การสั่งซื้อ
2. หาเคสรีวิวตบท้าย
รีวิวจากคนที่ใช้แล้วเห็นผลจริงๆ เป็นอะไรที่ทรงพลังมากๆ
ยุคนี้คอนเทนต์ต้องให้ค่ากับความจริงมากๆ
เพราะว่าลูกค้าไม่ได้อยากโดนหลอก
ฉะนั้น Video Content การตลาดที่ทรงพลังที่สุด
ต้องจริงและต้องเห็นภาพชัดเจนที่สุด
หัวใจหลักเล่าเรื่องราวให้เก่ง สู่การสร้างยอดขายได้อย่างเหลือเชื่อ
การปรุงคอนเทนต์ให้น่าสนใจจะมีเนื้อหา 2 ส่วน
คือ Need to Know (ต้องรู้) กับ Nice to Know (รู้ไว้ก็ดี)
คนส่วนใหญ่ใส่ Need to Know เยอะเกินไป
เลยไม่เข้มข้น ทำให้คนฟังกดปิดไปก่อน
ในส่วนการคัดคำเป็น Need to Know
คือคำที่ต้องรู้จริงๆ ซึ่งมีอะไรบ้างที่จำเป็นต้องรู้
- เรื่องเล่าเหตุการณ์ตัวอย่าง ควรจะเก็บไว้
- คำที่เป็นคำลบเช่น เวลาจะทำคลิปขายของ
ถ้าเราพูดขายแค่คำบวก
บางทีมันจะไม่ได้ผลเท่าไหร
ถ้าเราไปจี้จุดที่เขาเจ็บปวดจริงๆ
การเล่นคำลบจะได้ผลกว่าคำบวก
เพราะว่าสมองตื่นตัวกับคำที่เป็นอันตราย
Pain Point ยิ่งมียิ่งดี
การขายยิ่งขู่ให้กลัวได้ ยิ่งมีโอกาสสำเร็จ
ขู่ให้กลัว สามารถใช้หลักการบางอย่างตามสามเหลี่ยมมาสโลว์
ข้อแรก คือ หิวกระหาย โรคภัยไข้เจ็บ
ข้อสอง เรื่องของความมั่นคง
ยกตัวอย่างธุรกิจ Single Marketing
ทำไมดึงดูดให้คนสมัครสมาชิกได้มาก
เพราะว่าการใช้คำประเภท
“พ่อแม่ของคุณอาจจะไม่ป่วยอีกเลยตลอดชีวิต”
เกิดผลลัพธ์เชิงลบ เข้มข้นน่าสนใจ
หรือใช้คำว่า “แต่” ก็ได้ให้เกิดความขัดแย้ง
Content ดีสร้างยอดขายที่ปังได้จริง
One night miracle มีอยู่จริง
ถ้าเกิดว่าคลิปที่คุณทำหรือคอนเทนต์
ที่คุณสร้างไปโดน Pain Point ของคนฟัง
จะทำให้สร้างอารมณ์ร่วมที่ทัชใจคนได้มากกว่า
ยกตัวอย่าง นักเรียน ชุ่มฉ่ำ Branding
ทำธุรกิจขายรถโดยใช้การถ่ายภาพในลักษณะทั่วไป
ซึ่งสร้างรายได้ประมาณหนึ่ง
แต่พอมาเรียนคอร์สเล่าเรื่อง 3 นาทีให้ได้ใจคน
เรานำหลักการทำ Video Content ไปใช้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19
กลับกลายเป็นว่ายอดขายเพิ่มเป็น 2 เท่า ถึงยอดวิวจะไม่มากแต่ว่าตรง
กลุ่มเป้าหมาย แล้วทำให้คนรู้สึกว่า ยิ่งของแพง
ยิ่งอยากเห็นหน้าคนพรีเซนต์
เมื่อผู้ซื้อได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ประกอบ
การพิจารณาในการซื้อสินค้าเริ่มเกิดอารมณ์ร่วมขึ้น
อยู่ไกลแค่ไหนถ้าฉันไว้ใจคนนี้แล้ว ฉันก็จะเดิน
ทางมาดูรถ ไม่ก็โอนเงินจองหลักแสนโดยที่เห็นรถผ่าน Video Content อย่างเดียวก็ได้
สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังจะลงมือทำ Video Content
อุปกรณ์หรือกล้องมีส่วนสำคัญในการผลิตคอนเทนต์ให้มีคุณภาพ
ส่วนเทคนิคการเล่าเรื่อง สำคัญด้วยเช่นกัน
หลายคนอาจจะโฟกัสแต่เรื่องที่อุปกรณ์หรือเรื่องยิงโฆษณา
จริงๆ แล้วคุณมีปืนที่ดี แต่ไม่มีกระสุน ยิงไปมันก็ไม่ได้อะไร
ฉะนั้นให้เริ่มต้นที่การเล่าเรื่อง
เพราะจะเป็นศาสตร์ที่ทำให้ธุรกิจของคุณรอดได้ตลอดชีวิต